สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
(องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย)
เดินหน้าประกาศความพร้อมผลักดันแบรนด์หัตถกรรมท้องถิ่นเชียงใหม่สู่การสร้างโอกาสร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลก
ภายใต้กิจกรรม “ความร่วมมือเพื่อส่งเสริมศักยภาพท้องถิ่นผ่านงานหัตถกรรม” (Collaborative
Program to Support Craft Community) โดยมี ดร. ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
และคุณอกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) ให้เกียรติร่วมงานแถลงข่าว เมื่อวันที่ 26
กรกฎาคม 2567 ณ
ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบเชียงใหม่ (TCDC เชียงใหม่)
สำหรับกิจกรรมความร่วมมือเพื่อส่งเสริมศักยภาพท้องถิ่นผ่านงานหัตถกรรมนี้
เป็นโครงการภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
(องค์การมหาชน) หรือ CEA กับบริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ที่จัดขึ้นระหว่างเดือนมีนาคม 2567 - มีนาคม 2568 เพื่อผลักดัน
Creative Locals
หรือผู้ประกอบการสร้างสรรค์ท้องถิ่น ในกลุ่มงานเซรามิก (Ceramic)
และกลุ่มงานผ้าทอจากเส้นใยธรรมชาติ (Fabric) ด้วยการยกระดับและต่อยอดของดีจากท้องถิ่นให้ได้มาตรฐานสากล
เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ทั้งยังคงไว้ซึ่งคุณค่าอันเป็นแก่นแท้ทางจิตวิญญาณที่สะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรม นำไปสู่การ ‘ปักธงสินค้าหัตถกรรมไทย’
ให้เข้าสู่ตลาดแบรนด์ระดับโลก นับเป็นการส่งเสริมสินค้าสร้างสรรค์ให้เปี่ยมคุณภาพ
สะท้อนคุณค่าและอัตลักษณ์ชุมชน ทั้งยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ (Creative
to Commercial)
ดร. ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
เผยว่ากิจกรรมนี้นับเป็นก้าวย่างสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนที่เป็นแบรนด์ระดับโลก
และสอดคล้องกับกลยุทธ์การผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไปสู่ระดับสากล
โดยนำร่องกันที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่โดดเด่นเรื่องงานหัตถกรรมพื้นบ้าน
มีการส่งต่อภูมิปัญญา องค์ความรู้ และทักษะงานฝีมือ ต่อยอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจาก MUJI
ประเทศไทย ในการส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการสร้างสรรค์ท้องถิ่น
มุ่งไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนตามแนวคิดของแบรนด์ MUJI และเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการสร้างสรรค์ท้องถิ่น
สามารถผลักดันผลงานสร้างสรรค์ของประเทศไทยเข้าสู่ตลาดระดับโลกได้
CEA
รับบทบาทในการเฟ้นหา และผลักดันยอดฝีมือจากเครือข่ายชุมชนนักสร้างสรรค์ท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่
จากกลุ่มนักสร้างสรรค์งานเซรามิก (Ceramic) จำนวน 8 แบรนด์
มาทำงานร่วมกันผ่าน 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ กิจกรรมเวิร์กช็อป (Workshop)
กิจกรรมตลาดนัดมูจิ (Community Market) และการพัฒนาผลิตภัณฑ์
(Product Development) ซึ่งทำงานร่วมกับทีม Product
Design ของ MUJI ณ ร้าน
มูจิแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในภาคเหนือและขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ
ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ชั้น 1 ระหว่างเดือนมีนาคม
- พฤษภาคม 2567
ทั้งนี้
MUJI ประเทศไทย
ได้คัดเลือกแบรนด์หัตถกรรมท้องถิ่น ในกลุ่มงานเซรามิก (Ceramic) จำนวน 2 แบรนด์ ได้แก่ InClay Studio และ Charm-learn
Studio ที่ได้รับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การออกแบบ รวมถึงการควบคุมคุณภาพที่เป็นมาตรฐานสากล ให้ผสานความเรียบง่ายที่เปี่ยมเสน่ห์
สร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ตามแนวคิดของแบรนด์ MUJI ซึ่งมีกำหนดจำหน่ายภายใต้แบรนด์
MUJI ในเดือนพฤศจิกายน 2567
“เราตั้งใจผลักดันงานหัตถกรรมท้องถิ่นเชียงใหม่ให้มีความยั่งยืนและร่วมสมัย
ผ่านการค้นหากระบวนการสร้างสรรค์ร่วมกันระหว่างนักสร้างสรรค์ท้องถิ่น กับทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ MUJI ประเทศไทย ให้งานคราฟต์อันเป็นของดีของไทย
ที่มีวัตถุดิบพื้นถิ่นตามธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาค ‘ขายได้ และขายดี’ พร้อมขยายสู่ตลาดต่างประเทศ
เพื่อเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนท้องถิ่น และผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน”
ดร. ชาคริต กล่าวเพิ่ม
ด้านคุณอกิฮิโร่
คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) กล่าวว่า MUJI ได้ตอกย้ำพันธกิจหลักของแบรนด์ที่ได้ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง คือ ‘การร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่น’ และการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง
‘ผู้คนกับผู้คน’ ‘ผู้คนกับธรรมชาติ’
และ ‘ผู้คนกับสังคม’ ผ่านผลิตภัณฑ์
และได้พบว่าสิ่งเหล่านี้ปรากฏอยู่ในภูมิทัศน์ของงานหัตถกรรมสร้างสรรค์ของเมืองเชียงใหม่อย่างน่าสนใจ
“ไม่เพียงเชียงใหม่จะเป็นเมืองที่มีการผลิตงานหัตถกรรมจากวัสดุธรรมชาติโดยชุมชนต่าง
ๆ ที่สอดรับกับวิถีชีวิตของผู้คนมาหลายร้อยปีซึ่งคล้ายคลึงกับญี่ปุ่น
ผลงานเหล่านี้ยังมีความพิถีพิถัน งดงาม และเรียบง่าย
สิ่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมบุคลิกของเมืองนี้อย่างลงตัว ในขณะเดียวกัน
เรายังพบว่ามีนักออกแบบรุ่นใหม่ ๆ มากมายที่นำจุดเด่นเหล่านี้มาต่อยอดให้ผลงานมีความร่วมสมัย
และตอบโจทย์กับการใช้งานในชีวิตประจำวันในปัจจุบัน ซึ่งนี่คือสิ่งที่ MUJI มองหา” คุณอกิฮิโร่ กล่าว
นอกจากนี้คุณอกิฮิโร่ยังกล่าวถึงแนวคิดในการตัดสินใจร่วมงานกับสองแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าเซรามิกสองแบรนด์แรกในเชียงใหม่อย่าง
InClay Studio และ Cham-learn
Studio ในเบื้องต้นว่า “ผลงานของ Inclay
Studio มีความเรียบง่ายและสมถะคล้ายงานหัตถกรรมญี่ปุ่น
หากก็มีรูปทรงและลักษณะเฉพาะตัวที่มีความร่วมสมัยซึ่งตอบโจทย์กับสุนทรียะของผู้คนในยุคปัจจุบัน
ในขณะที่ Cham-learn Studio โดดเด่นที่การหยิบยืมรูปลักษณ์ของข้าวของที่ผู้คนคุ้นเคยมาพัฒนาเป็นงานเซรามิก
ซึ่งสร้างความผูกพันกับความทรงจำของผู้คน ในฐานะตัวแทนจาก MUJI ผมมีความยินดีที่ได้ร่วมงานกับสองแบรนด์นี้
และเชื่อมั่นว่าจะมีการร่วมงานกับแบรนด์ท้องถิ่นแบรนด์อื่น ๆ
ในเชียงใหม่และภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไป” คุณอกิฮิโร่ กล่าว
ทั้งนี้
ปัจจุบัน MUJI กำลังอยู่ระหว่างการร่วมกับผู้ผลิตของทั้งสองแบรนด์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้รับคัดเลือกให้มีทิศทางสอดรับไปกับไลน์การผลิตของแบรนด์
เช่นเดียวกับการเฟ้นหาผู้ผลิตสินค้าหัตถกรรมสาขาอื่น ๆ ในประเทศ
เพื่อพัฒนาสินค้ามาวางจำหน่ายภายใต้แบรนด์
ทั้งในรูปแบบของสินค้าตามร้านสาขาทั่วประเทศ และสินค้าในโครงการ ‘Found
MUJI’ ซึ่งเป็นไลน์การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ MUJI ร่วมพัฒนากับผู้ผลิตงานหัตถกรรมแบบดั้งเดิมของแต่ละท้องถิ่น
รวมถึงพิจารณาในการพัฒนาสินค้าเหล่านี้เพื่อวางจำหน่ายในร้านสาขาที่ต่างประเทศในอนาคต
สำหรับกิจกรรมความร่วมมือเพื่อส่งเสริมศักยภาพท้องถิ่นผ่านงานหัตถกรรม
ประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ (1)
กิจกรรมเวิร์กช็อป (Workshop) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ออกแบบคอร์สเรียนสั้น
ๆ ด้วยหลักสูตรที่เข้าใจง่าย โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้า MUJI และผู้ที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้
และใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบผลงาน (2) กิจกรรมตลาดนัดมูจิ
(Community Market) พื้นที่ตลาดนัดที่ตอบโจทย์การเป็นคอมมิวนิตี้
หรือศูนย์กลางการใช้ชีวิตของคนเชียงใหม่และจังหวัด
ในส่วนของกิจกรรมสุดท้าย
คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product
Development) โดยทีมพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ของ MUJI ร่วมตั้งโจทย์และวิธีคิดด้านการออกแบบและพัฒนาสินค้า
เพื่อให้ได้สินค้าคอลเล็กชันพิเศษ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Found MUJI Thailand” มุ่งเน้น ‘การตามหาและค้นหา’ วัตถุดิบท้องถิ่นที่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตผู้คนในชุมชนมายาวนาน
มาถ่ายทอดผ่านเรื่องราวอันทรงคุณค่าทางวัฒนธรรม ผ่านกระบวนการพัฒนาต่าง ๆ
ร่วมกันตลอดทั้งปีนี้ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนความเรียบง่าย
ผสานความงามอันละเมียดละไมเข้ากับวิถีชีวิต ธรรมชาติ และชุมชน
มีศักยภาพในการเติบโตและผลักดันเข้าสู่ตลาดสากลด้วยการพัฒนาสินค้าให้มีมาตรฐานสากล
โดยมีผู้ประกอบการในกลุ่มงานเซรามิก
จากกลุ่ม
Chiangmai Clayative และกลุ่มผู้ประกอบการงานผ้าย้อมสีธรรมชาติ
ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมกิจกรรมที่ผ่านมา
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
www.cea.or.th และเฟซบุ๊ก www.facebook.com/CreativeEconomyAgency
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น