เชียงใหม่ เปิดเวทีสร้างการรับรู้และส่งเสริมเครือข่ายองค์กร "การตอบแทนคุณระบบนิเวศ (PES)" สานพลังอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการไฟป่าฝุ่นละออง PM 2.5

 

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 68 ที่ โรงแรม อโมร่า ท่าแพ เชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดสัมมนาและกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “สานพลังภาคี กุญแจสำคัญในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการไฟป่าฝุ่นละออง PM 2.5” ในเวทีสร้างการรับรู้และส่งเสริมเครือข่ายองค์กร "การตอบแทนคุณระบบนิเวศ (PES)" เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการไฟป่า โดยมี หน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ 22 องค์กร ภาคประชาสังคมภาควิชาการและผู้แทนจากชุมชน 17 แห่ง รวมกว่า 90 คนเข้าร่วมกิจกรรม

โดย สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ มูลนิธิรักษ์ไทย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้ร่วมกันจัดเวทีสัมมนา เพื่อสร้างการรับรู้และขยายเครือข่ายองค์กรการตอบแทนคุณระบบนิเวศ ซึ่งเป็นการสร้างกลไกให้ผู้ได้รับประโยชน์จากระบบนิเวศ มีส่วนร่วมในการสนับสนุน การดูแลและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ผู้ปกป้อง ดูแล รักษาทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้นเวทีสัมมนาในครั้งนี้ จึงเป็นพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนแนวคิด ประสบการณ์ และแนวทางความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ สานพลังภาคี กุญแจสำคัญในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการไฟป่าฝุ่นละออง PM 2.5 ว่า วันนี้โลกและคนเชียงใหม่ ต้องยอมรับว่าปัญหาฝุ่นควันเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้ด้วยคนเพียงคนเดียว ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ สังคม ประชาชน คนในพื้นที่ และตอนนี้เอกชนก็ไม่นิ่งเฉย หลายๆ เหตุการณ์ภาคเอกชนก็มีส่วนร่วมช่วย อาทิ กิจกรรมใบไม้แลกเงิน 1 กิโลกรัม 1 บาท ซึ่งภาคเอกชนจะนำใบไม้ที่รับซื้อนำไปผลิตปุ๋ย ลดต้นทุนแล้วยังช่วยโลก และกิจกรรมอีกมากมาย ทั้งนี้ ปัญหาต่างๆ ต้องแก้ที่ต้นเหตุ สิ่งที่ยากที่สุดคือ การเดินเข้าไปหาต้นตอของเหตุการเผา  จึงได้มีนโยบาย เดินหน้าเข้าหาไฟ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ” เพื่อเปลี่ยนพื้นที่เผาไหม้ให้ปลอดการเผา รับฟังทุกวิธีการจัดการเศษซากวัสดุทางการเกษตรด้วยวิธีการไม่เผา  พร้อมนำวิธีเหล่านั้นไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทุกอำเภอ ทำให้ในปีนี้ พื้นที่เกษตรในพื้นที่ราบจาก 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ปลอดการเผาทั้ง 100% และผลของการดำเนินงานและความร่วมมือ แสดงให้เห็นแล้ววันนี้ว่า จังหวัดเชียงใหม่มีสภาพอากาศที่ดีกว่าปีที่ผ่านๆ มา อย่างชัดเจน ดังนั้น จังหวัดเชียงใหม่จะไม่หยุดความร่วมมือหรือหยุดพัฒนา จะต้องเดินหน้าหาทุกวิธีเพื่อทำให้มีอากาศที่บริสุทธิ์ต่อไป