มช.จับมือ ปตท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงความสำเร็จในการผลิตพาสติกชีวภาพสำหรับใช้ในทางการแพทย์



มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)(สนช.) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (ปตท.) จัดงานแถลงข่าว เรื่อง “ห้องปฏิบัติการผลิตพลาสติกชีวภาพสำหรับใช้ทางการแพทย์” มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายใต้ความร่วมมือ 4 หน่วยงาน ได้รับการรับรองระบบการจัดการคูณภาพ ISO 13485 และการถ่ายทอดเทคโนโลยี
โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วินิตา บุณโยดมหัวหน้าห้องปฏิบัติการผลิตพลาสติกชีวภาพสำหรับใช้ทางการแพทย์ เป็นผู้สรุปภาพรวมของโครงการ และ ศาสตราจารย์ นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิริวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ดร.พันธ์อาจชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(องค์การมหาชน) ดร.วิวรรณ ธรรมมงคล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีกระบวนการปิโตรเลียมและปิโตรเคมี บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.อาวุธ ศรีศุกรี อุปนายกสภามหาวิทยาลัย รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าว ณ 137 พิลลาร์เฮาส์ เชียงใหม่ เลขที่ 2 ซอย 1 ถ.หน้าวัดเกตุ ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่



ศาสตราจารย์ ดร. วินิตา บุณโยดม หัวหน้าห้องปฏิบัติการผลิตพลาสติกชีวภาพสาหรับใช้ทางการแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยต้องสั่งซื้อเม็ดพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ มาจากต่างประเทศและนำมาขึ้นรูป เป็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์พร้อมใช้ ซึ่งอุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมปลายน้าของ พลาสติกที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูงมาก มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แนวโน้มการขยายตัวคาดว่าจะต่อเนื่องไปใน อนาคต เนื่องจากประเทศไทยกาลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงต้องการการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตพลาสติก และนวัตกรรมใหม่ในการผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ คณะผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใน การผลิตพอลิเมอร์ย่อยสลายได้ทางชีวภาพเกรดทางการแพทย์ โดยใช้วัตถุดิบชีวมวลที่เป็นพืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าวโพด อ้อย มันสาปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นมูลค่าต่าในประเทศ เพื่อนาไปใช้เป็นเม็ดพลาสติกสาหรับผลิตวัสดุ ทางการแพทย์ (Biomaterials) หรือ เครื่องมือแพทย์ (medical devices) วัสดุเหล่านี้สามารถย่อยสลายได้ในร่างกาย ผู้ป่วย ไม่ต้องผ่าตัดนาออกมาจากร่างกาย




ด้วยเหตุดังกล่าวมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ร่วมกับ สานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สานักงาน นวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) จึงได้ร่วมมือกันสนับสนุน งบประมาณเป็นเงิน 28 ล้านบาท เพื่อสร้างห้องปฏิบัติการผลิตพลาสติกชีวภาพสำหรับใช้ทางการแพทย์ ของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการต้นแบบผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพทางการแพทย์คุณภาพสูงมาตรฐานสากลแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ดำเนินการโดยนักวิจัยไทย



ทั้งนี้ห้องปฏิบัติการผลิตพลาสติกชีวภาพสำหรับใช้ทางการแพทย์ เป็นห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง ISO13485 (ระบบบริหารคุณภาพสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ Medical devices-Quality management systems - Requirements for regulatory purposes) จากบริษัท TÜV SÜD ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพเกรดทางการแพทย์ ดำเนินการในห้องสะอาด (cleanroom) ตามมาตรฐานระดับนานาชาติ คือ ASTM F1925-09 (Standard Specification for Semi-Crystalline Poly(lactide) Polymer and Copolymer Resins for Surgical Implants) ได้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพลาสติกชีวภาพของประเทศไทยเองโดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาใหม่ ตามสิทธิบัตร ประเทศสหรัฐอเมริกา เลขที่ US 9,637,507 B2 (May 2017) ใช้วัตถุดิบชีวมวลที่เป็นพืชผลทาง การเกษตร เช่น ข้าวโพด อ้อย มันสาปะหลัง เป็นวัตถุดิบตั้งต้นมูลค่าต่าในประเทศ โดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะเป็นผู้ผลักดันในการนำเทคโนโลยีที่ร่วมกันพัฒนาขึ้นมานี้ไปต่อยอดเพื่อผลิตพอลิเมอร์เกรดทางการแพทย์เพื่อ จำหน่ายเชิงพาณิชย์ต่อไป





นอกจากนี้ห้องปฏิบัติการได้ผ่านการรับรองระบบการจัดการด้านความปลอดภัย ของห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวกับสารเคมี ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระบบการจัดการด้านความปลอดภัย ของห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวกับสารเคมี (มอก. 2677-2558) ภายใต้โครงการจัดทากระบวนการตรวจประเมินและ รับรองห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวกับสารเคมีของ สานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) อีกด้วย



เม็ดพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพประเภทพอลิเอสเทอร์เกรดทางการแพทย์ที่สามารถผลิตได้ใน ห้องปฏิบัติการ ตัวอย่างเช่น พอลิ(แอล-แลคไทด์) (พีแอลแอล) และ พอลิ(แอล-แลคไทด์-โค-คาโปรแลคโทน) (พีแอล ซี) มีชื่อทางการค้าคือ CMU-Bioplasorb PLA และ CMU-Bioplasorb PLC สามารถนำไปใช้เป็น วัตถุดิบตั้งต้นสาหรับผลิตวัสดุทางการแพทย์ เช่น ไหมเย็บแผลที่ละลายได้ ท่อนำเส้นประสาท ตัวควบคุมการ ปลดปล่อยตัวยาภายในร่างกาย และ เครื่องมือแพทย์ เช่น วัสดุทางทันตกรรม สกรูและแผ่นดาม ถ้าสามารถผลักดัน ให้เกิดการผลิตวัสดุดูดซึมได้ในทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานรับรองและผลิตได้เองในประเทศ ก็จะสามารถลดการ นำเข้าจากต่างประเทศ สร้างเศรษฐกิจที่ดีด้วยนวัตกรรม พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างทางเลือกในการ รักษาให้กับแพทย์และผู้ป่วย โครงการวิจัยนี้สนับสนุนนโยบายรัฐบาล Thailand 4.0 ซึ่งได้กำหนดให้มีการพัฒนา 10 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ในส่วนของอุตสาหกรรมใหม่ (The New S-Curves) ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบ ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาขีดความสามารถ ให้มีศักยภาพรองรับการแข่งขันในอนาคต ด้านอุตสาหกรรม เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels & Biochemical) และ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ทาให้นักวิจัยในประเทศไทยรวมทั้งผู้ประกอบการด้านวัสดุทางการแพทย์สามารถซื้อเม็ดพลาสติกได้กิโลกรัมละ ประมาณ 80,000-90,000 บาท เป็นราคาที่ถูกกว่าสั่งซื้อจากต่างประเทศซึ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 150,000-200,000 บาท จึงเป็นโอกาสดีที่จะผลิตเพื่อส่งออกและชดเชยการนาเข้าและมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับภายใต้มาตรฐานสากล ขณะนี้อยู่ ระหว่างการดำเนินการเจรจาในเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) และ ทดสอบตลาด ซึ่งหากมีผู้สนใจนาเม็ดพลาสติกชีวภาพไปวิจัยและพัฒนาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์สามารถติดต่อซื้อได้ ที่อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ปัจจุบันคณะผู้วิจัยร่วมมือกับทีมแพทย์และสัตวแพทย์ ในการนำเม็ดพลาสติกชีวภาพดังกล่าวมาพัฒนาต่อยอด โดยการขึ้นรูปเป็นไหมเย็บแผลที่ละลายได้ ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ด้วยปฏิกิริยาไฮโดรไลซิสโดยระบบเมตาบอลิซึมในร่างกาย จึงช่วยลดขั้นตอนในการรักษา ทำให้ไม่ต้องทำการผ่าตัดซ้ำ ผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและ ไม่ต้องทนเจ็บปวดหลายครั้ง ทั้งนี้สามารถลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้ 100%



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

องค์กรพันธมิตรภาครัฐ-เอกชน จับมือสร้างสรรค์โครงการต้นแบบ​ ลำพูน​ สุขก๋าย​ สบายใจ๋ (Lamphun​ Healing​ Town)​ พัฒนาพื้นที่แห่งความสุขกายสบายใจเมืองเก่าลำพูน

เปิดตัวโครงการ “เยาวชนวัฒนธรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว” ส่งเสริม สร้างสรรค์ เยาวชนให้ได้แสดงความสามารถ และศักยภาพตามความสนใจ ต่อยอดให้เป็นเยาวชนที่มีคุณภาพ

วอลโว่ฉลองครบ 50 ปีในไทย มุ่งก้าวสู่การจำหน่ายเฉพาะรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในปี 2025