เที่ยวกันมั้ย...ดีต่อใจ...ไป “นครสวรรค์”


“เมืองสี่แคว แห่มังกร พักผ่อนบึงบอระเพ็ด ปลารสเด็ดปากน้ำโพ”

จังหวัดนครสวรรค์ หรือเมืองสี่แคว หรือเมืองปากน้ำโพที่คนไทยคุ้นเคย หลายๆ คนมักจะมองว่าเป็นเมืองผ่าน ทั้งๆ ที่เมืองนี้ยังมีของดีอยู่หลายอย่าง ทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามอีกมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นเมืองแห่งของฝาก พรั่งพร้อมด้วยอาหารการกินที่อร่อยและอุดมสมบูรณ์ รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรม วิถีชีวิต ที่แทรกตัวอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยว บ้านเรือน และกิจกรรมประเพณีต่างๆ ที่พร้อมให้คุณได้เข้าไปค้นหาและสัมผัส แกงโฮะ แชนแนล จะพาท่านไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวเมือง “นครสวรรค์” ในแบบเก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง พร้อมแล้วตามมาเลย...

วัดคีรีวงศ์
ตั้งอยู่บนเขาดาวดึงส์ ห่างจากตัวเมืองนครสวรรค์เพียง 2 กิโลเมตร ด้านบนวัดเป็นที่ประดิษฐานพระจุฬามณีเจดีย์ 4 ชั้น ซึ่งในชั้นสูงสุดมีพระพุทธรูปจำลองที่สำคัญของประเทศไทยอย่างพระแก้วมรกต พระพุทธชินราช พระพุทธโสธร และพระพุทธรูปหล่อวัดไร่ขิง ที่ชั้นบนสุดนี้สามารถมองเห็นวิวของเมืองนครสวรรค์ทั้งเมืองจากมุมสูงบนเขาดาวดึงส์ ระยะไกลกว่า 10 กิโลเมตร หากมองไปทางทิศตะวันออกจะมองเห็นยอดเขากบ บึงบอระเพ็ด และตลาดปากน้ำโพ ถ้ามองไปทางทิศใต้ก็จะเห็นอุทยานสวรรค์ ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา และเขาจอมคีรีบรรพต อีกทั้งที่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ในบริเวณใกล้เคียงกัน ยังมีหอชมเมืองแบบพาโนรามา สูง 10 ชั้น ยาวกว่า 32 เมตร ภายในหอจะแบ่งเป็นชั้นๆ มีกิจกรรมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมได้สัมผัส ทั้งร้านค้า OTOP ร้านอาหาร ร้านกาแฟ บริเวณดาดฟ้าจะเห็นวิวตัวเมืองไกลสุดลูกหูลูกตา รวมทั้งในบางช่วงจะมีการติดตั้งกล้องดูดาวสำหรับผู้ที่สนใจดาราศาสตร์ได้ใช้งานอีกด้วย หอชมเมืองนครสวรรค์ เปิดเวลา 10.00 – 16.30 ในวันธรรมดา และเสาร์ – อาทิตย์เปิดให้บริการถึง 20.00 น. ค่าบริการ เด็ก 10 บาท และผู้ใหญ่ 20 บาท

การเดินทาง : ใช้ถนนมาตุลี และถนนดาวดึงส์ ตรงข้ามวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์ ทางขึ้นไปยอดเขาจะเป็นทางคอนกรีตอย่างดี ถนนกว้างรถสวนกันได้ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เดินทางสะดวกสบาย ประตูทางเข้าด้านล่างเปิด 07.00 – 18.00 น. ทุกวัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 056 – 222009, 056 – 226199

 





บึงบอระเพ็ด
หากพูดถึงแหล่งน้ำจืดที่มีวิวสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย เราคงไม่อาจมองข้าม “บึงบอระเพ็ด” ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่กว่า 1 แสนไร่ กินเนื้อที่ถึงสามอำเภอของจังหวัด ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอท่าตะโก และอำเภอชุมแสง ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับความอุดมสมบูรณ์ของบึงที่เป็นเขตรักษาพันธุ์ปลาน้ำจืดที่สำคัญ รวมถึงจระเข้ แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเจอเพราะจระเข้ที่นี่ขี้อายและค่อนข้างกลัวคน อีกทั้งที่นี่ยังมีบรรดานกเป็ดน้ำ นกอพยพ และนกหายากหลากหลายชนิด และจากการสำรวจยังพบสัตว์หายาก เช่นนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร และปลาเสือตอ ซึ่งพบเป็นครั้งแรกที่บึงบอระเพ็ดแห่งนี้ นับเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญที่นักดูนกทั้งมืออาชีพและสมัครเล่นไม่ควรพลาด  และที่เป็นไฮไลท์สำคัญคือภาพตะวันตกดินสะท้อนบนผืนน้ำกว้างสวยจนแทบหยุดหายใจ ที่นี่ยังมีบริการนั่งเรือชมความงามภายในบึง รวมถึงสีสันตระการตาของเหล่าบัวหลวง และทะเลบัวแดงที่พร้อมใจกันออกดอกต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน นอกจากนี้ ยังมีแหล่งเรียนรู้ชีวิตสัตว์น้ำภายในอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ดเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา และในวันเสาร์ – อาทิตย์ยังมีการแสดงโชว์ละครลิงคณะประกิต และโชว์จระเข้อีกด้วย

สอบถามข้อมูล โทร. 056 – 274525










วัดเกยไชยเหนือ ตำนาน “ไอ้ด่างเกยไชย”
วัดเกยไชยเหนือ ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 บ้านปากคลอง ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบกันของแม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ภายในวัดมีองค์เจดีย์บรรจุพระบรมธาตุทรงลังกาฐานแปดเหลี่ยม สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าเสือ แห่งกรุงศรีอยุธยา มีพระอุโบสถหลังเก่าที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน นอกจากนี้ ในบริเวณนี้ยังเป็นต้นกำเนิดของตำนานจระเข้ยักษ์ที่ชื่อไอ้ด่างเกยชัยอีกด้วย ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาที่งมได้บริเวณหน้าวัด รวมทั้งเครื่องเบญจรงค์ เครื่องจักสาน โทรศัพท์รุ่นเก่า เครื่องแก้ว ตะเกียง เตารีด จระเข้สตัฟฟ์ และอื่นๆ อีกมากมาย ทางโรงเรียนวัดเกยไชยเหนือได้ฝึกให้นักเรียนได้เป็นมัคคุเทศก์น้อยนำชมวัดและพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อีกด้วย

จุดเด่นของวัดเกยไชยเหนือแห่งนี้ คือด้านหน้าวัดจะเป็นจุดบรรจบกันของแม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ก่อนที่จะไหลไปรวมกับแม่น้ำปิงที่ปากน้ำโพ ตัวเมืองนครสวรรค์ โดยแม่น้ำยมจะมีสีเขียวใส ส่วนแม่น้ำน่านจะมีสีน้ำตาลขุ่น เมื่อมาบรรจบกันจะเห็นสีแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งบริเวณที่แม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน ในอดีตเชื่อว่าเป็นวังตะกอน เป็นที่อยู่ของจระเข้ขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ชื่อไอ้ด่างเกยไชย คอยอาละวาดทำร้ายและกินคนที่สัญจรผ่านไปมาในแม่น้ำ ที่ได้ชื่อว่าไอ้ด่างเพราะปลายจมูกมีดวงด่างสีขาวเป็นจุดเด่น ภายหลังถูกปราบได้ด้วยหอกของหมอจระเข้ 2 คน ว่ากันว่าความใหญ่โตของไอ้ด่างสามารถนอนขวางลำน้ำจากฝั่งหนึ่งถึงอีกฝั่งหนึ่งได้ ตำนานไอ้ด่างเกยชัยเคยได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ไทยถึง 2 ครั้ง

การเดินทาง :  ใช้ทางหลวงหมายเลข 225 สายนครสวรรค์ – ชุมแสง จากตัวเมืองนครสวรรค์ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร จะมีป้ายเลี้ยวซ้ายเข้าสู่วัดเกยไชยเหนือ







ชมการทำน้ำตาลโตนด วิถีชีวิตชาวบ้านเกยไชย

ถัดมาไม่ไกลจากวัดเกยไชยเหนือ จะเป็นที่ตั้งของชุมชนบ้านเกยไชย ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสง ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพการทำน้ำตาลโตนด และผลิตภัณฑ์จากตาล ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลสด ลูกตาลสด ลูกตาลเชื่อม ถือเป็นของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดนครสวรรค์ที่ใครๆ มาเยือนจะต้องซื้อติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านอย่างแน่นอน ที่นี่ยังมีสวนตาล 100 ปี ซึ่งเป็นสวนที่คนรุ่นเก่าได้ปลูกไว้เพื่อผลิตน้ำตาลสด ลูกหลานรุ่นปัจจุบันได้สืบทอดอาชีพนี้ตลอดมา หากมาในจังหวะดีๆ ก็จะได้เห็นการสาธิตการทำน้ำตาลโตนดแบบโบราณที่สืบทอดกันมา รวมทั้งชิมลอนตาลที่แกะกันสดๆ จากลูกตาล หวาน หอม อร่อย ฟินไปอีก






วัดศรีอุทุมพร
วัดศรีอุทุมพร หรือวัดวังเดื่อ หรือวัดหลวงพ่อจ้อย ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองกรด อำเภอลาดยาว เป็นสถานที่ที่ชาวนครสวรรค์ให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก ภายในบริเวณวัดกว้างขวาง และร่มรื่น มีกุฏิเรือนไทยซึ่งเป็นเรือนไม้สักทั้งหลังและเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อหยกเขียว รวมไปถึงหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อจ้อย พระผู้ดำเนินการและปกครองวัดมาตั้งแต่แรกเริ่มสร้างวัด นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์สำคัญที่ผู้มาเยือนไม่ควรพลาด นอกจากเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมของวัดที่สวยงาม อลังการ และละเอียดอ่อน คือการเข้าไปกราบไหว้สักการะสรีรสังขารของหลวงพ่อจ้อยในโลงแก้วภายในบริเวณมณฑปเพื่อเป็นสิริมงคล

ที่อยู่ :  ตำบลหนองกรด อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ โทร. 056 – 286027, 081 – 9539406







ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์
“สักการะเจ้าพ่อปึงเถ่ากง ยลแม่น้ำสองสี” เป็นศาลเจ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งขึ้นมากว่า 100 ปี ณ บริเวณแหลมที่ยื่นออกไปช่วงต้นแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นจุดที่สามารถทอดสายตาออกไปชมวิวแม่น้ำ 2 สีได้อย่างสุดลูกหูลูกตา ตัวศาลเจ้ามีลักษณะครึ่งไม้ครึ่งตึก ยกใต้ถุนสูง ภายในเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าพ่อเทพารักษ์ (ปึงเถ่ากง) เจ้าแม่ทับทิม เจ้าพ่อกวนอู เจ้าแม่สวรรค์ และเจ้าพ่อสามตา อันเป็นที่เคารพบูชาของชาวเมืองนครสวรรค์ บริเวณด้านหน้าเป็นลานหันออกสู่แม่น้ำ ด้านข้างขนาบด้วยห้องแถวไม้เก่าบรรยากาศโบราณ มีร้านขายของ ร้านอาหาร และร้านขนมเล็กๆ ให้คุณได้สัมผัสวิถีชีวิตเล็กๆ ของชาวบ้านในพื้นที่ นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีการอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่รอบตลาดปากน้ำโพ เพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชา ซึ่งมีการจัดขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ทุกๆ ปี นอกจากนี้ยังมีการจัดพิธีลุยไฟ การแสดงปาฏิหาริย์จากเทพเจ้าในร่างม้าทรงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันอย่างน่าตื่นตาตื่นใจอีกด้วย

สำหรับประวัติการก่อตั้งศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์นั้น ไม่มีประวัติความเป็นมาแน่ชัดถึงการสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ รวมทั้งไม่ปรากฏชื่อว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง แต่จากหลักฐานระฆังโบราณ ได้พบจารึกเป็นภาษาจีนว่า นายหงเปียว แซ่พู่ แห่งหมู่บ้านเคอเจี้ยซัน อำเภอวุ้นอี้ (ปัจจุบัน คือ วุ้นซ้ง) มลฑลไหหลำ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมามามอบระฆังใบนี้ ในปี ค.ศ.1870 ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. 2413 อันเป็นต้นรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 นั่นก็เท่ากับว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุมากกว่า 130 ปีแล้ว ทั้งนี้ จากคำบอกเล่าและภาพถ่ายพี่พอรวบรวมได้นั้น เชื่อว่าแต่เดิมเป็นศาลไม้ใต้ถุนสูงตั้งอยู่ริมตลิ่งบริเวณต้นน้ำเจ้าพระยาซึ่งในอดีตเป็นแหลมยื่นออกไป จากนั้นตลิ่งได้ถูกกัดเซาะพังทลายทีละน้อย อีกทั้งสภาพศาลเจ้ายังทรุดโทรม ชาวบ้านและผู้มีจิตศรัทธาจึงได้ร่วมกันสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งจากป้ายภาษาจีนกลางศาลเขียนไว้ว่า โควกงเมี้ยว ซึ่ง บอกว่า ได้มีการสร้างศาลใหม่ โดยระบุปี ค.ศ. 1999 ตรงกับปี พ.ศ. 2452 และการสร้างศาลขึ้นใหม่ครั้งนั้นได้รวมเอาศาลเจ้าพ่อกวนอู ที่ตั้งอยู่ตอนใต้บริเวณใกล้เคียงมารวมไว้ด้วย ต่อมาคณะกรรมการของศาลเจ้าแห่งนี้ได้บูรณะเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

ที่อยู่ :  ตำบลนครสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ โทร. 056 – 514982, 056 – 514651 – 2







ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่หน้าผา
หนึ่งในเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่คนนครสวรรค์ให้การเคารพกราบไหว้คือ “เจ้าแม่หน้าผา” ในตำนานกล่าวไว้ว่า เจ้าแม่ได้ลอยน้ำมายังบริเวณหน้าผา ซึ่งปัจจุบันเป็นแม่น้ำใหญ่ด้านหน้าศาล ภายในศาลนอกจากจะมีเจ้าแม่หน้าผา (ปึงเถ่าม่า) ประดิษฐานเป็นเทพประธานแล้ว ยังมีเจ้าพ่อหน้าผาและเทพอีกหลายองค์ให้ท่านได้เข้ามาสักการะขอพร หรือทำพิธีกรรมแก้ปีชงได้อีกด้วย

สำหรับศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่หน้าผานั้น มีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาว่า มีตายาย คู่หนึ่งได้ฝันเห็นว่ามีหญิงชรา ผมยาวเนื้อตัวเปียกปอนมาบอกว่าลอยน้ำมาจากอยุธยาถึงนครสวรรค์หนาวมากขอให้เอาขึ้นจากน้ำทีเถอะ พอรุ่งเช้าจึงได้ไปริมแม่น้ำซึ่งมีลักษณะเป็นบริเวณน้ำวน ที่นั่นมีหน้าผาค่อนข้างสูงชัน ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “หน้าผา” ได้พบไม้จันทร์ดำขนาดกว้าง 1 ฟุต สูง 2 ฟุต แกะเป็นรูปเจ้าแม่ติดอยู่ซอกหินรวมกับไม้ที่แกะเป็นรูปอื่น ๆ ได้อัญเชิญขึ้นมาพร้อมกัน และได้สร้างศาลไม้เล็ก ๆ ไว้บริเวณริมแม่น้ำ ต่อมา เถ้าแก่ง่วนเซ้ง เจ้าของโรงแรมง่วนเซ้ง และเจ้าของโรงไม้ขายกระดาน ได้ฝันว่ามีหญิงชรา ผมยาว มาขอให้ไปช่วยสร้างศาลให้ท่านเถ้าแก่ง่วนเซ้งฝันถึงเช่นนี้ 3 วัน จึงได้ไปบอกกับนายคุงเคี้ยม ให้ช่วยเดินทางหาเจ้าแม่ที่มาเข้าฝันวันแรก และวันที่สอง เดินทางหาเลียบตามแม่น้ำขึ้นไปทางเหนือ เริ่มตั้งแต่ตรอกวิศวกรไทย (ปัจจุบันอยู่หน้าวัดนครสวรรค์) ขึ้นไปจนถึงบริเวณหน้าผาได้เห็นศาลไม้เล็ก ๆ ที่ได้สร้างไว้ชั่วคราว ที่ริมแม่น้ำ จึงได้ขอที่ดินชาวบ้านแถวนั้นสร้างเป็นศาลเจ้าให้ท่าน (บริเวณที่เป็นศาลเจ้าปัจจุบัน) และได้พัฒนามาเรื่อย ๆ จนเป็นศาลใหญ่

เจ้าแม่หน้าผา มีชื่อเดิมเรียกว่า เจ้าแม่ทองสุข หรือเจ้าแม่ลำดวนมีผู้คนทั่วไปนับถือ แม้แต่ลาวโซ่งก็เรียกว่า “เจ้าแม่ทองดำ” เนื่องจากรูปเจ้าแม่เดิมนั้นใช้ไม้จันทร์ดำแกะสลัก เชื่อว่าเจ้าแม่ชอบกินหมาก ปัจจุบันได้ปั้นรูปเจ้าแม่และเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นแบบจีน และรู้จักกันในนาม “เจ้าแม่หน้าผา”

ที่อยู่ :  ถนนโกสีย์ด้านเหนือ ริมแม่น้ำปิง ตำบลนครสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์



ขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครสวรรค์




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

องค์กรพันธมิตรภาครัฐ-เอกชน จับมือสร้างสรรค์โครงการต้นแบบ​ ลำพูน​ สุขก๋าย​ สบายใจ๋ (Lamphun​ Healing​ Town)​ พัฒนาพื้นที่แห่งความสุขกายสบายใจเมืองเก่าลำพูน

เปิดตัวโครงการ “เยาวชนวัฒนธรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว” ส่งเสริม สร้างสรรค์ เยาวชนให้ได้แสดงความสามารถ และศักยภาพตามความสนใจ ต่อยอดให้เป็นเยาวชนที่มีคุณภาพ

วอลโว่ฉลองครบ 50 ปีในไทย มุ่งก้าวสู่การจำหน่ายเฉพาะรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในปี 2025