เที่ยวกันมั้ย?? ไปกัน จันทบุรี
“น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ
เสื่อจันทบูร สมบูรณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
รวมญาติกู้ชาติที่จันทบุรี”
จันทบุรี จังหวัดไม่ไกลจากกรุงเทพที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และมาเที่ยวที่เดียวได้ครบทุกรสชาติของการท่องเที่ยว
อยากนั่งชิลรับลมทะเลเย็นๆ ก็ทำได้ เพราะเป็นเมืองติดชายทะเล
อยากเล่นน้ำตกใสไหลเย็นที่นี่ก็ยังมี
เนื่องจากจังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ที่เป็นแหล่งต้นน้ำ
หรืออยากศึกษาประวัติศาสตร์ ย้อนรอยอดีตก็มีให้
อยากดูวิถีชีวิตชุมชนคนท้องถิ่นจันทบุรีมีชุมชนที่ยังคงอนุรักษ์ความเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ให้ได้ท่องเที่ยวชมความงดงามของสถาปัตยกรรมได้อีก
ปัจจุบันจันทบุรีเป็นจุดหมายด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
แกงโฮะแชนแนล ได้มีโอกาสไปเยือนเมืองจันทบุรี เลยถือโอกาสมาบอกเล่าให้ผู้รักการท่องเที่ยวได้รู้จักกับจันทบุรีเพิ่มมากขึ้น
ตามไปดูกันเลย
ศาลหลักเมืองจันทบุรี และศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
มาถึงเมืองจันท์ทั้งที ก็ต้องไปเคารพสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองกันก่อน
สำหรับศาลหลักเมืองจันทบุรีไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด
แต่สันนิษฐานว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ทรงสร้างขึ้นเมื่อครั้งเสด็จเข้าเมืองจันทบุรี เมื่อปี พ.ศ.2310
เพื่อใช้เมืองจันทบุรีเป็นที่รวบรวมไพร่พล ศาตราวุธ ยุทธภัณฑ์ และเสบียงอาหาร
เพื่อกลับไปกอบกู้กรุงศรีอยุธยา
ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนจันทบุรีให้ความเคารพบูชาเป็นอย่างมาก
ใกล้กันกับศาลหลักเมืองจันทบุรี
จะเป็นที่ตั้งของศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ถือเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี แสดงถึงความรักความผูกพันของชาวจันทบุรีที่มีต่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ตัวอาหารเป็นรูปทรงเก้าเหลี่ยม หลังคาเป็นรูปทรงพระมาลา หรือหมวกยอดแหลม
ภายในประดิษฐานพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ให้ประชาชนได้สักการบูชา
หากมาเมืองจันทบุรีก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะมาสักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล
ที่ตั้ง ตั้งอยู่บนถนนท่าหลวง
บริเวณหน้าค่ายตากสิน
เวลาเปิด – ปิด : 06.00 – 20.00 น.
อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล หรือ โบสถ์คาทอลิกจันทบุรี
ถือเป็นโบสถ์คาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นศูนย์รวมของชุมชนคาทอลิกซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า
300 ปี อาสนวิหารหลังปัจจุบันมีอายุกว่า 100 ปี
สร้างด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโกธิค
ภายในตกแต่งด้วยกระจกสีที่เรียกว่าสแตนกลาสเป็นภาพนักบุญองค์ต่างๆ
อย่างงดงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และโอกาสฉลองอาสนวิหาร พ.ศ.2552
ได้ยกยอดโดมสูง 2 ข้างขึ้นแทนโดมเดิมที่ถูกยกลงเมื่อคราวกรณีพิพาทอินโดจีน
ทำให้เป็นวัดคาทอลิกที่สวยงามและใหญ่ที่สุดในเอเชีย นอกจากนี้ ภายในอาสนวิหาร
ยังเป็นที่ประดิษฐานองค์พระนางมารีอาประดับพลอยจันทบุรี ถึง 200,000 เม็ด
หนึ่งเดียวในโลกให้นักท่องเที่ยวได้ชมความวิจิตรงดงามอีกด้วย
แนะนำว่าให้แวะไปเยี่ยมชมในช่วงยามเย็น
เนื่องจากแสงอาทิตย์จะส่องมากระทบตัวโบสถ์เป็นภาพที่งดงามประทับใจเป็นอย่างมาก
เวลาเปิด – ปิด : 06.00 – 16.00 น. (ก่อนมิซซา) ไม่เสียค่าเข้าชม
ชุมชนเก่าริมแม่น้ำจันทบูร
เป็นชุมชนเก่าแก่อายุประมาณ 300 ปี
สันนิษฐานว่าเกิดชุมชนขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แต่เดิมเรียกกันติดปากว่า “บ้านลุ่ม”
มีชาวจีนและญวนได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน
ต่อมาได้พัฒนาเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการค้าของจันทบุรี ปัจจุบันได้มีการส่งเสริมและพัฒนาริมน้ำจันทบูรให้เป็นแหล่งอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม
และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ถนนที่ทอดยาวขนานกับแม่น้ำในอดีตเคยเป็นย่านการค้าดั้งเดิม
มีร้านค้าเก่าแก่ บ้านเรือนเก่าที่ยังคงอนุรักษ์ความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรมเอาไว้
ตึกแถวโบราณมีลวดลายไม้จำหลักอ่อนช้อยงดงามอยู่ตามบานประตู หน้าต่าง และมุมอาคาร สำหรับคนชอบถ่ายรูปที่นี่ก็มีมุมสวยๆ
เก๋ๆ ให้ได้แชะกันหลายจุด เมื่อเดินเที่ยวจนเหนื่อยและหิวแล้ว
บนถนนเส้นนี้ก็ยังมีร้านอาหารอร่อยๆ ให้เลือกแวะชิมตลอดทาง
ไม่ว่าจะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงที่ขึ้นชื่อของจันทบุรี ร้านก๋วยจั๊บ
ร้านกาแฟเก๋ๆ ขนมปังปิ้ง ร้านโรตี และอีกมากมายให้เลือกชิม
เรียกได้ว่ามาเยือนชุมชนแห่งนี้
นอกจากจะได้ความประทับใจจากสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวย
ยังได้อิ่มท้องกลับไปด้วยอย่างแน่นอน
ที่ตั้ง : ถนนสุขาภิบาล อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เชิงสะพานวัดจันทร์
ชุมชนริมน้ำอยู่ทางขวามือ
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
หากใครชื่นชอบในธรรมชาติและบรรยากาศป่าชายเลน
ต้องไม่พลาดที่จะมาเยือนศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน
อันเนื่องมาจากพระราชดำริแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวคุ้งกระเบน ตำบลคลองขุด
อำเภอท่าใหม่ มีพื้นที่ประมาณ 4,000 ไร่
แต่หากนับเฉพาะบริเวณป่าชายเลนที่เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ จะมีพื้นที่ประมาณ
200 ไร่ เกิดขึ้นตามพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
รัชกาลที่ 9 เพื่อทำการฟื้นฟูและจัดการทรัพยากรชายฝั่งอย่างยั่งยืน
ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการอบรมเผยแพร่ความรู้ที่ได้จากการศึกษาวิจัยนำมาพัฒนาด้านการประมง
และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมถึงยังเป็นกำลังสำคัญในการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม
พร้อมไปกับการรักษาสมดุลของระบบนิเวศให้มีความอุดมสมบูรณ์ ประโยชน์ก็จะเกิดกับประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงที่ประกอบอาชีพทำประมง
ได้มีแหล่งอาหารและรายได้ที่มั่นคง
พร้อมพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่งด้วย
พื้นที่โดยรอบของป่าชายเลน นักท่องเที่ยวสามารถใช้สะพานเดินศึกษาธรรมชาติและป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน
ในการเที่ยวชมตามจุดต่างๆ
ระหว่างทางจะมีป้ายแสดงข้อมูลความรู้เกี่ยวกับป่าชายเลนติดอยู่เป็นระยะ
ตลอดสองข้างทางมีความร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น
ทั้งต้นแสม โกงกาง ลำพู และพืชป่าชายเลนอีกมากมาย นอกจากนี้ ยังจะได้ชมปูก้ามดาบ
และปลาตีน ที่ออกมาอวดความน่ารักให้กับนักท่องเที่ยวได้ชมกันระหว่างทาง
เรียกได้ว่านอกจากจะได้ความเพลิดเพลินแล้ว
ยังได้ความรู้เกี่ยวกับป่าชายเลนกลับไปอีกด้วย
ที่ตั้ง : ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี โทร. 039 – 433216 – 8
เวลาทำการ : 08.00 – 17.00
น.
หาดเจ้าหลาว
เมื่อมาเยือนเมืองจันทบุรี ที่เป็นเมืองชายทะเล
ก็ต้องไม่พลาดที่จะไปเล่นน้ำทะเล เอาเท้าเหยียบทราย นอนฟังเสียงคลื่น รับลมทะเล
ทานอาหารทะเลให้จุใจ ต้องขอแนะนำให้ไปที่หาดเจ้าหลาว จุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวไฮไลท์ของจังหวัดจันทบุรี
หาดเจ้าหลาว ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
เป็นหาดทรายสีขาวนวลทอดยาวหลายกิโลเมตร ไปจนถึงเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นน้ำ
เล่นบานาน่าโบ๊ท เนื่องจากเป็นหาดน้ำตื้น ลักษณะหาดลาดยาวลงไปในทะเล
ทำให้ค่อนข้างมีความปลอดภัย
ช่วงเดือนที่เหมาะแก่การมาเล่นน้ำคือประมาณเดือนพฤศจิกายน – เมษายน เนื่องจากไม่มีมรสุม
และคลื่นลมทะเลไม่แรง
นอกจากนี้บริเวณชายหาดยังมีที่พักและร้านอาหารมากมายที่จำหน่ายอาหารทะเลสดๆ
ในราคาไม่แพงบริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย
หาดเจ้าหลาวอยู่ห่างจากอำเภอเมืองจันทบุรีเพียงแค่ 30 กิโลเมตรเท่านั้น
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีก็ถึงแล้ว
หากมาเยือนจันทบุรีต้องไม่พลาดที่จะมานั่งชิลริมทะเลที่หาดเจ้าหลาวกันนะ
แล้วคุณจะหลงรักจันทบุรีเพิ่มมากขึ้น
ที่ตั้ง : ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่
จังหวัดจันทบุรี
จุดชมวิวเนินนางพญา อ่าวคุ้งวิมาน ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต
ตั้งอยู่บนเนินริมทะเลใกล้กับหาดคุ้งวิมาน และปากอ่าวคุ้งกระเบน
เป็นจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อของจังหวัดจันทบุรี เพราะมีทิวทัศน์ที่สวยงาม
ทั้งถนนเลียบชายทะเลที่ทอดยาวไปจนถึงหาดคุ้งวิมาน อ่าวคุ้งกระเบน
และแหลมเสด็จที่อยู่ฝั่งตรงข้ามบริเวณปากอ่าว วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
มองเห็นทะเลสุดลูกหูลูกตา มองเห็นเส้นขอบฟ้า ผสมกับลมที่กำลังปะทะใบหน้า เป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจยิ่งนัก
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งจันทบุรี ที่มีความสวยงาม ทั้งทะเล ทั้งภูเขา
ถือว่าเป็นวิมานแห่งจันทบุรี ที่ใครไม่เคยมา ต้องมาสัมผัสให้ได้ นอกจากนี้ จุดชมวิวเนินนางพญา
ยังมีคู่รักนำกุญแจมาคล้องเป็นสัญญารักระหว่างกันอีกด้วย
บรรยากาศระหว่างทางก็จะเป็นจุดชมวิวต่างๆ
ให้เราจอดรถได้ชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็น สถานที่ให้ถ่ายรูป
ศาลานั่งพักให้บริการนักท่องเที่ยว และมีขอบทางสีแดงให้นักปั่น
ปั่นจักรยานไปตามเส้นทางถนนบูรพาชลทิตได้อีกด้วย เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนก็จะเห็นบริเวณกว้าง
และวิวภูเขากับทะเลที่สวยงาม มีรั้วกั้นเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
เนื่องจากมีลักษณะที่เป็นผาชันลงไป มีพื้นที่ให้นั่งพักผ่อน ให้ได้ถ่ายรูปกัน
เมื่อเราเดินไปทางด้านขวาของจุดชมวิว เราจะได้เห็นภาพที่สวยมาก
ซึ่งเรามักจะเห็นโฆษณามาถ่ายทำอยู่บ่อยครั้ง
ที่ตั้ง : หมู่ที่ 7 ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต
บ้านท่าแคลง ตำบลสนามไชย อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี
ตึกแดง คุกขี้ไก่
แหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ของจังหวัดจันทบุรี
ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ บริเวณท่าเรือแหลมสิงห์
อำเภอแหลมสิงห์ ใกล้กับคุกขี้ไก่ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 30 กิโลเมตร
สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 พร้อมกับคุกขี้ไก่
ลักษณะเป็นตึกชั้นเดียว สีแดง หลังคามุงกระเบื้อง สร้างด้วยอิฐถือปูน กว้าง 7
เมตร ยาว 32 เมตร เดิมทาสีแดง จึงเรียกว่า
"ตึกแดง" ภายในแบ่งออกเป็น 5 ห้องมีประตูเปิดถึงกันหมด
มีระเบียงทั้งสองข้างตามแนวยาว
ตึกแดงเป็นอาคารที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นเมื่อ
พ.ศ.2436 หรือ ร.ศ. 112
ในบริเวณป้อมพิฆาตข้าศึก โดยรื้ออิฐจากป้อมมาสร้าง
เพื่อใช้ตึกนี้เป็นกองรักษาการณ์ และที่พักของทหารที่รักษาปากน้ำแหลมสิงห์
ในครั้งนั้นฝรั่งเศสได้แผ่อิทธิพลครอบครองญวนและเขมร และหาเหตุรุกรานไทยโดยอ้างว่า
ดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงคือ อาณาจักรลาวเกือบทั้งหมด รวมทั้งแคว้น 12 จุไท เคยเป็นของญวนและเขมรมาก่อน
จึงถือโอกาสเข้ายึดครองทำสงครามสู้รบกับไทย ครั้งนั้นไทยต้องจ่ายค่าเสียหาย 4
ล้านบาท ก่อนจ่ายค่าเสียหาย ฝรั่งเศสจึงยึดจันทบุรีไว้ ตั้งแต่ พ.ศ.2436 - พ.ศ.2446 จากวิกฤตการณ์ครั้งนั้นทำให้ไทยต้องสูญเสียดินแดนอาณาจักรลาวเกือบทั้งหมด
รวมทั้ง 12 จุไทด้วย
รัชกาลที่ 5 ทรงดำเนินการคานอำนาจเช่น
ทรงแสวงหามิตรประเทศที่เป็นมหาอำนาจการยุโรป เช่น รัสเซีย เยอรมนี
เพื่อคานอำนาจกับฝรั่งเศส รวมทั้งการเสด็จเยือนประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งพระราชกรณียกิจของพระองค์ ได้สร้างความประทับใจแก่ฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 ตึกแดงได้รับการบูรณะเพื่อใช้เป็นอาคารห้องสมุดและศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนของอำเภอแหลมสิงห์
และเลิกใช้ไป จนกระทั่งในปัจจุบันตึกแดงเปิดให้
นักท่องเที่ยวเข้าชมโดยไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชม
การเดินทาง
ตึกแดงตั้งอยู่บริเวณหาดแหลมสิงห์ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีเพียง 30 กิโลเมตร
เดินทางไปตามเส้นทาง ถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าสู่จังหวัดตราด ถึงกิโลเมตรที่ 347
จะมีทาง แยกขวาไปหาดแหลมสิงห์ อีกประมาณ 16 กิโลเมตร
ก็จะถึงที่หมาย
โอเอซีส ซีเวิลด์
ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 25 กิโลเมตร
เป็นสถานที่เพาะพันธุ์และอนุรักษ์ปลาโลมาในน่านน้ำจันทบุรี มีกิจกรรมโลมาโชว์ 2 สายพันธุ์ไทย
ได้แก่ โลมาปากขวด หรือโลมาสีชมพู และโลมาหัวบาตร หรือโลมาอิระวดี นอกจากการแสดงโลมาโชว์แล้ว
ยังเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำกับโลมา สามารถสัมผัสได้ชนิดเนื้อแนบเนื้อ
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว
เป็นความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิตอีกด้วย
บัตรผ่านประตู คนไทย ผู้ใหญ่ 130 บาท เด็ก
80 บาท
บัตรผ่านประตู ต่างชาติ ผู้ใหญ่
300 บาท เด็ก 200 บาท
บัตรเล่นน้ำกับโลมา (ไม่รวมชมโลมา) ผู้ใหญ่และเด็ก
2,500 บาท
เวลาเปิดให้บริการ 09.00 – 18.00 น.
ที่ตั้ง : 48/2 หมู่ 5 ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี โทร.
039 – 499222
ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี
ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี
ตั้งอยู่ที่ถนนมหาราชในเมืองจันทบุรี
เป็นศูนย์แสดงและส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับถาวรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
และในเอเชีย ภายในศูนย์ฯ แห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เกี่ยวกับอัญมณี
ตลอดจนกระบวนการผลิตอัญมณีในขั้นตอนต่างๆ ที่จัดไว้ในลักษณะของนิทรรศการอีกด้วย
ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี แห่งใหม่
ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร บนเนื้อที่ 8
ไร่ เป็นศูนย์กลางการค้า และส่งเสริมธุรกิจอัญมณี และเครื่องประดับของประเทศไทย
พื้นที่โดยรอบมีภูมิทัศน์สวยงามด้วยสวนพันธุ์ไม้ต่างๆ
ประดับด้วยงานประติมากรรมไว้อย่างสวยงาม เพื่อการต้อนรับนักท่องเที่ยว
และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้ที่มาเยี่ยมชม
ประกอบไปด้วยความทันสมัยสุดอลังการกับพิพิธภัณฑ์อัญมณี โดยนำเสนอแบบ Live
Museum, ห้องวีดีทัศน์ 3D ที่ทันสมัยที่สุด
เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการทำพลอย การขุดพลอย การเผา และการเจียระไน, Gem
Bank, ศูนย์ปฎิบัติการตรวจสอบอัญมณี
และสถานที่จัดแสดงสินค้าและนิทรรศการต่างๆที่น่าสนใจ
ที่ตั้ง : 1/29 ถ.มหาราช ต.ตลาด
อ.เมือง จ.จันทบุรี 22000 โทร. 039
– 303118
เปิดบริการ 09.00 น. - 17.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ
เปิดบริการ 09.00 น. - 17.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ
วัดเขาสุกิม
วัดเขาสุกิม ตั้งอยู่ที่ หมู่ 12 ตำบลเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่
จังหวัดจันทบุรี โดยวัดอยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 20 กิโลเมตร เดิมเป็นสถานปฏิบัติธรรมบนเขาซึ่งเรียกกันในท้องถิ่นว่าเขาอีกิม
ต่อมาในปี พ.ศ. 2507 ชาวบ้านได้นิมนต์พระอาจารย์สมชาย
ฐิตวิริโย และภิกษุสามเณรจากสำนักสงฆ์เนินดินแดงซึ่งอยู่ไม่ไกล
มาจำพรรษาบนเขาอีกิม และด้วยแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อพระอาจารย์สมชาย
ฐิตวิริโย จึงมีการเริ่มก่อสร้างวัดในปีเดียวกันโดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นที่บำเพ็ญภาวนา
ของพุทธศาสนิกชนทั่วไป มีพื้นที่ประมาณ 3,280 ไร่ พระอาจารย์สมชายได้พัฒนาวัดจนเป็นวัดใหญ่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปและเปลี่ยนชื่อเป็นวัดเขาสุกิม
นอกจากนี้ยังได้สร้างโรงเรียนมัธยมวัดเขาสุกิมและโรงพยาบาลวัดเขาสุกิมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะด้วย
ภายในวัดมีองค์พระประธานประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ติดผนัง
สูง 110 นิ้ว
หน้าตักกว้าง 99 นิ้ว มีซุ้มรอบองค์พระเป็นลวดลายพญานาค 9
เศียร และที่ฐานชุกชีมีจารึกพระปรมาภิไธยย่อ ภปร.
โดยมีคริสตัลของสวารอฟสกี้ประดับอยู่ที่ฐานชุกชีและซุ้มรอบองค์พระ
และยังมีการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งของเกจิอาจารย์ต่าง ๆ อาทิ หลวงปู่แหวน หลวงปู่วัน
พระอาจารย์มั่น ฯลฯ และภายในวัดยังเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม นั่งวิปัสสนาอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมี
พิพิธภัณฑ์วัดเขาสุกิม อยู่บนชั้น 3 ของตึก 60 ปีเฉลิมพระเกียรติเป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุจำนวนมาก
เช่นพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ทั้งที่ด้วยศิลาและสำริด
เครื่องถ้วยกระเบื้องจีนทั้งขนาดเล็กและใหญ่ นอกจากนี้ก็มีขวานหิน ฆ้อง หม้อ ไห
มีด ดาบ เครื่องประดับสำริด กระต่ายขูดมะพร้าว เป็นต้น
นักท่องเที่ยวหรือผู้สนใจ
สามารถเดินทางไปจากถนนสุขุมวิท กิโลเมตรที่ 305 บริเวณบ้านห้วยสะท้อน
มีทางแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 3322 ไปวัดเขาสุกิมเป็นระยะทาง 13
กิโลเมตร
หรือหากเลยแยกนี้ไปจะมีทางเข้าวัดได้อีกทางหนึ่งที่บ้านเนินสูงเป็นระยะทาง 16
กิโลเมตร หรืออาจใช้เส้นทางไปน้ำตกกระทิงก็ได้
โดยแยกจากถนนสุขุมวิทที่บริเวณสี่แยกเขาไร่ยาเข้าไปประมาณ 7 กิโลเมตร
ถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร
วัดเขาสุกิม เปิดให้บริการทุกวัน
เวลา 06.30-17.00 น
โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชมแต่อย่างใด และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 089 – 9315544
*** หมายเหตุ โปรดแต่งกายสุภาพ
ห้ามนุ่งกระโปรงสั้นเหนือเข่าหรือกางเกงขาสั้นเหนือเข่า
ทางวัดจะไม่อนุญาตให้เข้าวัดโดยเด็ดขาด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น