ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 จัดกิจกรรมส่งเสริมงานหัตถกรรมเครื่องเขินสู่อุตสาหกรรม Life Style พร้อมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ
กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่
1 กำหนดจัดงานหัตถกรรมเครื่องเขิน สู่อุตสาหกรรม Life
Style กิจกรรมทดสอบตลาดเพื่อเชื่อมโยงธุรกิจ (ปลายน้ำ) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการงานหัตถกรรม
(Craftsmanship) ในอุตสาหกรรมเครื่องเขินไลฟ์สไตล์ในอนาคต
พร้อมเกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มของภูมิปัญญาท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์
และออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมเครื่องเขินที่สามารถตอบสนองการใช้งานรูปแบบใหม่
ในระหว่างวันที่ 24 – 25 สิงหาคม 2562 ณ ศูนย์การค้าเมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง
เซ็นเตอร์ จังหวัดเชียงใหม่ และกิจกรรมสร้างการรับรู้และแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมเครื่องเขินล้านนา
ในวันที่ 6 – 8 เดือนกันยายน 2562 ณ ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ชั้น 4 กรุงเทพมหานคร
โดยมีบูธสินค้า และนิทรรศการจากทั้ง 4 จังหวัดกลุ่มภาคเหนือตอนบน 1 เข้าร่วมงาน
พร้อมกิจกรรมต่างๆ มากมาย
นางพรสวรรค์ หมายยอด
ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาการส่งเสริมอุตสาหกรรมชุมชน กล่าวว่า “ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายในการส่งเสริมสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย
ซึ่งจังหวัดในกลุ่มภาคเหนือตอนบน เป็นกลุ่มจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวเป็นที่นิยม
มีเอกลักษณ์โดดเด่น สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในปี พ.ศ.2557 เป็นจำนวน 80,873
ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวน 11,208,125 คน ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของประเทศ
หัตถกรรมเครื่องเขินของภาคเหนือถือว่าเป็นงานที่มีอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงมาช้านาน
ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบทอดให้ดำรงไว้
เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเรียนรู้และสัมผัสวิถีชีวิต
รวมถึงพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป”
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ส่งเสริม
สนับสนุน และพัฒนาอุตสาหกรรม และหัตถกรรมให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลาง
และขนาดย่อม (SMEs)
และผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน จึงเกิดแนวคิดในการอนุรักษ์และพัฒนา
ศิลปหัตถกรรมเครื่องเขินให้แก่ผู้ประกอบการที่ทำการผลิตเครื่องเขิน และผู้ที่สนใจ
ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบน เช่น
จังหวัดเชียงใหม่ ให้เกิดการกระตุ้นเพื่อรักษาภูมิปัญญา ประยุกต์ใช้ในการต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องเขิน
ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตในปัจจุบัน สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองไม่เห็น
หรือยังไม่ได้รับการตอบสนอง (Unmet Needs) ผ่านการคิดค้น
การใช้งานรูปแบบใหม่ที่ผลิตภัณฑ์เดิมไม่เคยทำได้มาก่อน (New Usage) หรือสร้างคุณค่าใหม่ (New Value)
ในสายตาของกลุ่มลูกค้าในตลาดเป้าหมายที่มีศักยภาพ (Potential Market) อีกด้วย
ด้าน ดร.วิถี พานิชพันธ์
กรรมการที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า “ตามกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องเขินของกิจกรรมภายในโครงการ
โดยมีการจัดหาวิทยากรผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการเก็บรักษาคุณภาพของยางรัก
เทคนิคการกรีดยางรัก
เทคนิคการทำผลิตภัณฑ์เครื่องเขินในรูปแบบการอนุรักษ์ตามภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคนิคการทำเครื่องเขินตามรูปแบบไลฟ์สไตล์
ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน)
ซึ่งเป็นกิจกรรมพัฒนาคุณภาพวัตถุดิบในการผลิตหัตถกรรมเครื่องเขิน (ต้นน้ำ)
และยังมีการจัดกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเครื่องเขินให้กับกลุ่มเป้าหมาย
จำนวนอย่างน้อย 100 ราย และคัดเลือกผู้ที่มีศักยภาพให้เหลือ 15 ราย รวมไปถึงดำเนินการคัดเลือกจากผู้เข้าร่วมจัดกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเครื่องเขิน
จำนวน 15 ราย เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกด้านการออกแบบ
และพัฒนาหัตถกรรมเครื่องเขินสู่อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ (กลางน้ำ)
ต่อเนื่องด้วยการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกด้านการออกแบบ
และพัฒนาหัตถกรรมเครื่องเขินสู่อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน
15 ราย และยังเป็นวิทยากรร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องเขินสู่อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์
อย่างน้อย 5 วัน และดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเป็นต้นแบบ
จำนวนอย่างน้อย 2 ชิ้น/รายอีกด้วย สำหรับกิจกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นของโครงการ
กิจกรรมยกระดับหัตถกรรมเครื่องเขินสู่อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์
ภายใต้โครงการยกระดับหัตถกรรมท้องถิ่นสู่อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน
1 ประจำปีงบประมาณ 2562
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น